🤔ทำไมนับถือเจ้าแม่กวนอิมจึงห้ามรับประทานเนื้อวัว?🥩

🙏วันรำลึกพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม (觀音菩薩出家)✨

วันที่ 19 เดือน 9 (九月十九日) ตามปฏิทินจันทรคติจีน หรือวันที่ 21 ตุลาคมตามปฏิทินสุริยคติในปีนี้ (十一月十日) ตรงกับวันรำลึกพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม หรือ 觀音菩薩出家 เป็นวันที่พระโพธิสัตว์กวนอิมตัดสินใจออกบวช พร้อมตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะบำเพ็ญภาวนา ศึกษาพระธรรมจนรู้แจ้งอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้หลุดพ้นสังสารวัฏ ซึ่งเมื่อกล่าวถึงพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมแล้วนั้น มักจะตามมาด้วยความเชื่อเรื่องการห้ามรับประทานเนื้อวัว น่ำเอี๊ยงจึงชวนส่องที่มาความเชื่อเกี่ยวกับการห้ามรับประทานเนื้อวัวในเทศกาลกินเจ ดังนี้

📍หลักฐานการทานและไม่ทานเนื้อวัวผ่านเอกสารโบราณและสำนวนจีน

การไม่รับประทานเนื้อวัวของชาวจีนโดยไม่เกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องเจ้าแม่กวนอิมนั้น มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจวตะวันตก (西周) โดยมีการสั่งห้ามฆ่าวัว เพราะเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อการทำนาและการเกษตร ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของแคว้น (และเป็นเช่นนี้มาหลายยุคสมัย) หรืออาจกล่าวในอีกมุมหนึ่งได้ว่าเป็นตัวชี้วัดความมั่งคั่งของประเทศ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่สามารถสืบค้นเจอในยุคสมัยดังกล่าว ซึ่งก็คือ “คัมภีร์หลี่จี้” (禮記) ซึ่งเป็นเอกสารที่ว่าด้วยธรรมเนียมและจารีต โดยเขียนไว้ว่า “諸侯無故不殺牛” แปลว่า “เจ้าเมืองจะไม่ฆ่าวัวโดยไม่มีเหตุผล” (ขนาดเจ้าเมืองยังไม่ฆ่าวัว แน่นอนว่าประชาชนทั่วไปย่อมไม่มีทางฆ่าวัวเช่นกัน) อย่างไรก็ตาม ในยุคชุนชิว มีเจ้าครองแคว้นนามว่า เว่ยฮุ่ยหวัง (梁惠王) ได้เชิญผาวติง (庖丁) ซึ่งชำนาญในการแล่เนื้อวัวมากมาแสดงการแล่เนื้อวัวให้ชมในงานเลี้ยง ซึ่งผาวติงนั้นทำให้เว่ยฮุ่ยหวังนั้นทั้งชื่นชมในความสามารถ จึงทำให้เกิดสำนวนว่า 庖丁解牛 (ผาวติงเจี่ยหนิว) ซึ่งใช้เปรียบเทียบผู้ที่ทำงานอย่างช่ำชองรวดเร็ว แต่ในทางกลับกันก็กลายเป็นหลักฐานว่าชาวจีนในสมัยก่อนนั้นก็รับประทานเนื้อวัวมาเป็นเวลานานแล้วเช่นกัน

📍ตำนานองค์หญิงเมี่ยวซ่านผู้เลื่อมใสในรสพระธรรม

หากกล่าวถึงการไม่รับประทานเนื้อวัวเพราะนับถือเจ้าแม่กวนอิมนั้น หนึ่งในตำนานที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคือตำนานองค์หญิงเมี่ยวซ่าน (妙善公主) ผู้ฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา (ต่อมาได้บรรลุธรรมเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม)  แต่ฮ่องเต้ผู้เป็นพระบิดาต้องการให้องค์หญิงเมี่ยวซ่านแต่งงาน ทว่านางกลับไม่สนใจในเรื่องของทางโลกและมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ฮ่องเต้จึงพิโรธและกลั่นแกล้งนางสารพัดเพื่อขัดขวางไม่ให้นางสามารถปฏิบัติธรรมได้ ถึงขั้นสั่งเผาวัดสังหารนักบวชและองค์หญิงเมี่ยวซ่าน แต่ไม่ว่าวิธีใดก็ไม่สามารถขัดขวางนางได้ ต่อมาฮ่องเต้ทรงพระประชวร องค์หญิงเมี่ยวซานซึ่งในตอนนั้นได้บวชชีแล้ว จึงปลอมตัวเข้าไปรักษาบิดาตนเองโดยใช้แขนและขาของตนเองทำเป็นยารักษา ทำให้ฮ่องเต้ยอมเปิดใจ สำนึกผิดกลับตัวกลับใจทำความดี และสละราชสมบัติไปปฏิบัติธรรมในที่สุด ส่วนความเกี่ยวข้องขององค์หญิงเมี่ยวซ่านและการไม่รับประทานเนื้อวัวนั้นมีหลายแบบ ตำนานหนึ่งเล่าว่าเป็นเพราะกรรมที่บิดาของนางทำเอาไว้ จึงทำให้ฮ่องเต้เกิดใหม่กลายเป็นวัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เจ้าแม่กวนอิมไม่รับประทานเนื้อวัว และความเชื่อนี้ก็ได้สืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

📍คนไทย คนจีน เจ้าแม่กวนอิม และการรับประทานเนื้อวัว

ชุดความคิดหนึ่งที่ถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตชี้ว่า การไม่รับประทานเนื้อวัวของคนไทยที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมนั้นได้รับอิทธิพลจากซีรีส์จีนเรื่อง “กำเนิดเจ้าแม่กวนอิม” ที่ฉายในประเทศไทยเมื่อปี 2528 ซึ่งทำให้ผู้คนรับรู้ถึงคุณงามความดีของเจ้าแม่กวนอิม พากันเคารพศรัทธา และไม่รับประทานเนื้อวัวตามไปด้วย 

อย่างไรก็ตาม หากกล่าวว่าซีรีส์ดังกล่าวนั้นเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการไม่รับประทานเนื้อวัวเพราะนับถือเจ้าแม่กวนอิมของคนไทยนั้น ก็อาจไม่ถูกต้องเท่าใดนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสอบถามชาวไทยเชื้อสายจีนซึ่งมีบรรพบุรุษเป็น “หลักฐานเชิงประจักษ์แก่สายตา” ของกลุ่มคนเหล่านี้แล้ว แนวคิดดังกล่าวนั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกปัดตกอย่างแน่นอน อาจระบุเวลาไม่ได้ว่าคนไทยเริ่มไม่กินเนื้อวัวเพราะนับถือเจ้าแม่กวนอิมตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่อย่างน้อยที่สุดวัฒนธรรมดังกล่าวนั้นอย่างน้อยที่สุดน่าจะเริ่มตั้งแต่สมัยที่คนจีนอพยพเข้ามาสู่ประเทศไทย เพราะเดิมทีคนจีนบางส่วนโดยเฉพาะแถบแต้จิ๋วนั้นก็ไม่รับประทานเนื้อวัวเพราะนับถือเจ้าแม่กวนอิม

ส่วนคนจีนนั้นถึงแม้ว่าส่วนใหญ่คนที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมจะยังรับประทานเนื้อวัวกันตามปกติ ทว่ายังมีผู้ใหญ่หลายท่านโดยเฉพาะรุ่นปู่ย่าตายายที่เชื่อในตำนานเจ้าแม่กวนอิมจึงไม่รับประทานเนื้อวัว อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว “การไม่กินเนื้อเพราะนับถือเจ้าแม่กวนอิมนั้น” ไม่ได้มีบัญญัติไว้ในพระพุทธศาสนา หนึ่งในเหตุผลที่ชาวจีนโบราณไม่รับประทานเนื้อวัวนั้น เป็นเพราะวัวเป็นสัตว์ที่ช่วยในการเกษตร ถือว่ามีบุญคุณต่อผู้คนและมีคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อแคว้น และในเมื่อการรับประทานเนื้อวัวกลายเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแล้วนั้น ก็ทำให้เนื้อวัวมีราคาแพงและเป็นสิ่งที่สามัญชนมิอาจเอื้อมถึงได้