จีนถือเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญเรื่องเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ซึ่งจะเห็นได้จากการที่มีวันสำคัญเพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้ามากมาย อาทิ วันประสูติเจ้าแม่กวนอิม วันประสูติเทพเจ้าไท่สร้างเหล่าจวิน เป็นต้น เนื่องจากจีนนั้นเป็นแหล่งรวมอารยธรรมที่สั่งสมวัฒนธรรมของตนเองมานานนับพันปี จึงทำให้เกิดตำนานและเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับเทพเจ้าจีนมากกว่าหนึ่งร้อยองค์ น่ำเอี๊ยงจึงขอหยิบยกเรื่องราวของสามเทพเจ้าจีนผู้ยิ่งใหญ่ ได้แก่ เจ้าแม่กวนอิม (觀世音菩薩 / 觀世音) เทพเจ้ากวนอู (關羽) และไฉ่สิ่งเอี๊ย (財神 / 財神爺) มาให้ทุกท่านทราบถึงที่มาและคุณงามความดีขององค์เทพเจ้าดังกล่าว เพื่อให้ท่านเข้าใจได้ว่าเหตุใดชาวจีนจึงให้ความเคารพรักแก่เทพเจ้ามานับพันปีมิเสื่อมคลาย ดังนี้
😇เจ้าแม่กวนอิม (觀世音菩薩 / 觀世音) ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา✨
เจ้าแม่กวนอิม (觀世音菩薩 / 觀世音) เป็นพระโพธิสัตว์ของพุทธศาสนานิกายมหายาน ผู้คนมักจะคุ้นตากับท่านในรูปลักษณ์สตรีชุดขาว ยิ้มอ่อนโยนสงบเสงียม ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทพเจ้าจีนที่มีผู้คนรู้จักและศรัทธามากที่สุดองค์หนึ่ง เพราะพระองค์นั้นเป็นสัญลักษณ์ของความกตัญูกตเวที เป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความเมตตาต่อสรรพสัตว์ ท่านมีปณิธานอันแน่วแน่ที่จะโปรดสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงทุกข์ ดังคำกล่าวว่า “หากยังมีสัตว์ตกทุกข์ได้ยากอยู่ ก็จะไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ” ซึ่งสอดคล้องกับชื่อ พระโพธิสัตว์ หรือภาษาจีนกลางคือ “ผูซ่า” (菩萨) หรือ “ผ่อสัก” ในสำเนียงแต้จิ๋ว แปลว่า ผู้ตั้งจิตแน่วแน่ในการบำเพ็ญเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
นอกจากนี้เจ้าแม่กวนอิมยังเป็นองค์เดียวกันกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ที่มีต้นกำเนิดมาจากทางฝั่งประเทศอินเดีย ก่อนที่ประเทศจีนจะรับเอาพระพุทธศาสนาเข้ามา และมีการหลอมรวมเข้ากับตำนานความเชื่อดั้งเดิมของจีน จนเกิดเป็นตำนานพระโพธิสัตว์กวนอิม โดยในตำนานพื้นบ้านของจีน เชื่อว่าพระโพธิสัตว์กวนอิม เดิมทีมีพระนามว่า “องค์หญิงเมี่ยวซ่าน” ทรงเป็นพระราชธิดาองค์ที่สามของพระเจ้าเมี่ยวจวง หรือเมี่ยวจวงหวาง (妙庄王) กษัตริย์ผู้มีจิตใจโหดเหี้ยม ทรงโปรดให้พระธิดาออกเรือน แต่องค์หญิงเมี่ยวซ่านนั้นไม่ปรารถนาออกเรือนเพราะทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีปณิธานตั้งมั่นช่วยเหลือสรรพสัตว์ ทำให้พระราชบิดากริ้วโกรธ ลงโทษพระธิดามากมาย ถึงขั้นสั่งประหารชีวิต แต่พระนางก็ไม่ได้โกรธเคืองและทรงหนีออกจากวังไปบำเพ็ญศีลภาวนา จนเวลาผ่านไปพระเจ้าเมี่ยวจวงได้รับผลกรรม ทำให้ป่วยเป็นโรคร้ายซึ่งต้องใช้ยาที่ปรุงจากดวงตาและแขนของทายาทเท่านั้น เมื่อองค์หญิงเมี่ยวซ่านทราบข่าวก็ไม่ลังเลที่จะเสียสละดวงตาและแขนทั้งสองข้างแก่พระบิดาของตน จนพระเจ้าเมี่ยวจวงหายดีในที่สุด พระโพธิสัตว์จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความมีเมตตาจิตแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
ในปัจจุบันผู้คนนิยมกราบไหว้บูชาเจ้าแม่กวนอิมในเรื่องความเป็นสิริมงคล ปัดเป่าความทุกข์และโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ รวมถึงการขอบุตร ตลอดจนเรื่องการงาน การเงิน และความรักก็สามารถขอพรให้สมปรารถนาได้ เนื่องจากท่านนั้นขึ้นชื่อเรื่องจิตใจดี มีเมตตา ชอบช่วยเหลือมนุษย์และสรรพสัตว์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการสักการะบูชาเจ้าแม่กวนอิมในแต่ละปาง ซึ่งจะมีเรื่องเล่าตำนาน รวมถึงเรื่องที่นิยมขอพรแตกต่างกันออกไป สามารถอ่านความหมายของแต่ละปางต่อได้ที่ https://www.numeiang.com/dragonyearjuly-2/
🗡️เทพเจ้ากวนอู (關羽) เทพเจ้าผู้ภักดี✨
เทพเจ้ากวนอู (關羽) หรือกวนอวี่ ในสำเนียงจีนกลาง เป็นเทพที่ได้รับความเคารพและขึ้นชื่อในเรื่องความซื่อสัตย์และจงรักภักดีเป็นอย่างมาก โดยเทพเจ้ากวนอูนั้นมีลักษณะเป็นชายที่มักปรากฏกายในบุคลิกของแม่ทัพผู้องอาจสง่างาม ใบหน้าสีแดงดั่งผลพุทราสุก หนวดเครายาวจรดอก สวมอาภรณ์สีเขียว พร้อมอาวุธคู่กายอย่างง้าวมังกรเขียว (青龍偃月刀) เนื่องจากในประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ฮั่นและสมัยสามก๊ก ได้เข้าร่วมสาบานตนเป็นพี่น้องกับเล่าปี่และเตียวหุย และได้ร่วมร่วมต่อสู้ออกรบด้วยกันอย่างกล้าหาญมาตลอด และยังมีส่วนช่วยทำให้เล่าปี่ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งจ๊กก๊กสู่ ต่อให้โจโฉเกลี้ยกล่อมให้ทรยศต่อพวกพ้องของตน กวนอูก็ยึดมั่นซื่อสัตย์ต่อพี่น้องร่วมสาบานเสมอมา ซึ่งวีรกรรมข้างต้นได้ถูกกล่าวขานกันต่อมาจนเป็นที่ประทับใจผู้คน จนกระทั่งในสมัยราชวงศ์ซ่ง รัชสมัยของฮ่องเต้ซ่งฮุยจง ได้มีการสถาปนาอวยยศให้กวนอูเป็น “จงฮุ่ยกง” แปลว่า เทพผู้ภักดี นับตั้งแต่นั้นราชวงศ์ต่อ ๆ มาจึงมีการถวายยศแก่กวนอู จนมีสถานะเปรียบเสมือนเทพเจ้าองค์หนึ่ง และเป็นที่เคารพนับถือในหมู่ชาวจีนและผู้คนทั่วไปเป็นอย่างมาก เป็นสาเหตุที่เราสามารถพบเจอศาลเทพเจ้ากวนอูมากมายในประเทศจีน รวมทั้งพื้นที่อื่นๆ ในทวีปเอเชียอีกด้วย
ปัจจุบันผู้คนนิยมกราบไหว้บูชาเทพเจ้ากวนอูเพราะเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมดวงในด้านการงาน การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง บริวารหนุนนำ และมีผู้ใหญ่อุปถัมภ์ แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะของแต่ละปาง ในฮ่องกงนิยมตั้งรูปเทพเจ้ากวนอูไว้ในสถานที่ราชการ โดยเฉพาะสถานีตำรวจ เพราะถือว่าเทพเจ้ากวนอูเป็นสัญลักษณ์แห่งการกำราบความชั่วร้ายและความอยุติธรรมทั้งหลาย ทั้งยังถูกตั้งไว้ตามสำนักงานและร้านค้า เพราะเชื่อว่าจะสามารถปกป้องภยันอันตรายทั้งปวงและทำให้รอดพ้นจากการถูกรีดไถหรือคดโกงได้ นอกจากนี้ยังสามารถส่งเสริมเรื่องเงินทองโชคลาภ เพราะเทพเจ้ากวนอูได้ถูกยกย่องให้เป็น “เทพแห่งโชคลาภ” หรือ “ไฉ่ชิงเอี๊ยบู๊” ด้วยเช่นกัน สามารถอ่านเรื่องราวของเทพเจ้ากวนอูเพิ่มเติมต่อได้ที่ https://www.numeiang.com/dragonyearjuly/
🧧เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ย (財神 / 財神爺) เทพเจ้าแห่งโชคลาภ✨
เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ย (財神 / 財神爺) ที่เราคุ้นหูกันในสำเนียงจีนแต้จิ๋ว หรือ “ไฉเสินเหย่” ในภาษาจีนกลางเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและความร่ำรวย โดยคำว่า “ไฉ”(財) แปลว่า ทรัพย์สมบัติ, “เสิน” (神) แปลว่า เทพ และ “เหย่” (爺) เป็นคำยกย่องผู้มียศถาบรรดาศักดิ์
เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ยถือเป็นเทพที่มีผู้คนสักการะบูชาเป็นอับดับต้น ๆ เนื่องจากผู้คนทุกชนชั้นต่างให้ความสำคัญกับเรื่องเงินทองจึงนิยมกราบไหว้เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ยเพราะปรารถนาที่จะร่ำรวยและสุขสบาย โดยคนจีนจะต้องบูชาเทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ยเป็นเทพองค์แรกของปีในช่วงคืนก่อนวันตรุษจีนพร้อมกันทั่วโลก ด้วยความเชื่อว่าเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดี สามารถนำพาความสุขและทรัพย์สมบัติมาให้ตลอดทั้งปี เรียกว่า “การไหว้เจ้าสิ้นปี” อย่างไรก็ตาม การไหว้เทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ยนั้นสามารถไหว้ได้ตลอดทั้งปี โดยเชื่อว่าจะนำพาความสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรืองและความร่ำรวยมาสู่ผู้ศรัทธาและครอบครัวได้
โดยเทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ยที่ผู้คนนิยมบูชานั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นสององค์ ได้แก่ “เหวินไฉเสินเย่” หรือ “ไฉ่สิ่งเอี๊ยบู๋น” และ “อู่ไฉเสินเย่” หรือ “ไฉ่สิ่งเอี๊ยบู๊” โดย “เหวินไฉเสินเย่” หรือ “ไฉ่สิ่งเอี๊ยบู๋น” นั้นหมายถึง ปี่กัน ซึ่งเป็นผู้ที่มีตัวตนอยู่จริงในสมัยปลายราชวงศ์ซาง ซึ่งปี่กันนั้นนับว่าเป็นผู้ที่ความจงรักภักดีต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก จึงทนไม่ได้ที่เห็นจักรพรรดิหลุ่มหลงในสุราและนารี จนไม่ทำงานราชการแผ่นดิน สร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก ปี่กันจึงไปกราบทูลเตือนสติแก่จักรพรรดิและทำการควักหัวใจของตนออกมาพิสูจน์ความสวามภักดิ์ จนสร้างความประทับใจแก่เทพบนสวรรค์ จึงโดนชุบชีวิตกลับมาเป็นเทพแห่งสมบัติ และเนื่องจากปี่กันไม่มีหัวใจ จึงไม่ยึดติดกับเงินทองและนำเงินทองไปโปรยแก่ชาวบ้านมากมายจนได้รับการเคารพบูชานับแต่นั้นมา ปัจจุบันหากต้องการกวักเงินกวักทองสู่กิจการร้านค้าให้มั่งมี ผู้คนมักจะบูชาเป็นเทพเจ้าไฉ่สิ่งเอี๊ยบู๋นเป็นหลัก
ส่วน “อู่ไฉเสินเย่” หรือ “ไฉ่สิ่งเอี๊ยบู๊” นั้น เป็นชายชราหนวดเคราดำ หน้าตาดุร้าย สวมใส่ชุดเกราะนักรบ มือข้างหนึ่งถือกระบี่วิเศษ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือเงินจีนโบราณ (หยวนเป่า) และประทับอยู่บนหลังเสือ ซึ่งมีการร่ำลือกันว่า “ไฉ่สิ่งเอี๊ยบู๊” นั้นหมายถึง “เจ้ากงหมิง” ที่ในตำนานหนึ่งเล่าว่า เมื่อครั้งที่โลกมีพระอาทิตย์ 10 ดวง และถูกโฮวอี้ นักแม่นธนูของสวรรค์ ยิงพระอาทิตย์ 9 ดวงจนดับไป พระอาทิตย์เหล่านั้นไปตกลงไปบนภูเขาเอ๋อเหมยและกลายร่างเป็นราชามารร้าย 9 ตน สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน ภายหลังมีเทพเซียนนามว่า “เจ้ากงหมิง” มาคำราบ และทำให้มารเหล่านั้นกลายเป็นมนุษย์ที่มีศีลธรรม โดยให้บำเพ็ญเพียรบนภูเขาเอ๋อเหมยตลอดไป ชาวบ้านจึงตั้งศาลบูชาเจ้ากงหมิงที่ยอดเขาเอ๋อเหมยมาถึงปัจจุบัน โดยจะเรียกว่า “ตำหนักไฉเสิน” โดยผู้คนมักจะบูชาท่านในเรื่องเงินทอง โดยเฉพาะการทวงหนี้ หากเจ้าหนี้มากราบไหว้ เชื่อว่าจะสามารถทวงหนี้จากลูกหนี้ได้สำเร็จและได้ทรัพย์เพิ่มพูน นอกจากนี้ยังนิยมกราบไหว้ในที่ทำงานบริษัท ห้างร้าน โดยมีความเชื่อว่าท่านจะส่งเสริมให้บริวารและพนักงานอยู่ในกฎระเบียบของบริษัท และไม่ทุจริตคดโกง
อ้างอิง
เทพเจ้าสัญลักษณ์มงคล. ปิยะแสง จันทรวงศ์ไพศาล